Feeds:
เรื่อง
ความเห็น

เมื่อท่านตัดสินใจเรียนกฎหมายแล้ว  ก็ต้องหาวิธีเรียนให้จบ  บางท่านเริ่มเรียนใหม่ๆยังจับต้นชนปลายไม่ถูก  อาจารย์มีคำแนะนำดังนี้ค่ะ

 

    1. ก่อนอ่านหนังสือต้องทำความเข้าใจข้อนึงก่อนว่า  การเรียนกฎหมายไม่ใช่ ท่องๆ เป็นนกแก้ว นกขุนทอง  หรือท่องๆจนลูกท่องตามได้  ถ้าท่องอย่างเดียวแล้วไม่เข้าใจ หรือหยิบใช้ไม่เป็น มันก็เหมือนกับเรียนหมอ  จำได้ว่า  โรคอย่างนี้ใช้ยาอะไร (คือจำรายละเอียดของยาได้)  แต่วินิจฉัยโรคไม่ถูก  ก็ใช้ยาผิด  ผลก็คือคนไข้ตาย  นักกฎหมายก็เหมือนกันต้องวิเคราะห์ให้ออกว่า  กรณีอย่างนี้เป็นเรื่องอะไร  เมื่อวิเคราะห์ได้จึงจะหยิบมาตราที่ถูกต้องมาใช้ได้ถูกต้องค่ะ  เช่น  เราจำได้ว่า  ถ้าอยากเข้าไปสอดในคดีที่คนอื่นเขาฟ้องกันไปแล้ว  มันต้องร้องสอดเข้าไป  ทีนี้การร้องสอดมันมี 3 อนุมาตรา คือ ป.วิ.พ.ม.57 อนุมาตรา (1)  อนุมาตรา (2)   อนุมาตรา (3)    เราต้องวิเคราะห์ให้ออกว่าตกลงแล้วจะสอดทั้งที  ใช้สิทธิสอดตามอนุมาตราอะไร  เพราะผลของการร้องสอดแต่ละอนุมาตรามันต่างกัน  ตาม ม.58 จะเป็น วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง  ผลต่างกันประมาณนางงาม กับนางงอม  (อย่างไรงาม  อย่างไรงอม  เอาไว้ไปเรียนวิแพ่งแล้วรู้เอง) 

    2. การอ่านหนังสือ  ถ้าอ่านไปเรื่อยๆ  อ่านแล้วอ่านเลย  และอ่านแล้วลืมค่ะ  เคยเจอมัน  อ่านแล้ว  รู้สึกเหมือนไม่ได้อ่าน  เสมือนกินอาหารในความฝัน  กินแล้วยังหิวอยู่  รู้ตัวว่ากินตอนฝันไปก็เมื่อตื่นจากฝัน (ยกตัวอย่างซะเว่อมากค่ะ  ตัวเองยัง..งง..เลยค่ะ)  วิธีของอาจารย์ก็คือ  เมื่ออ่านหนังสือ  อาจารย์จะจดโน๊ตสั้นๆๆ (เน้นว่าสั้นๆ)  ว่าย่อหน้า  (เน้นอีกว่าย่อหน้า) ย่อหน้านั้นเกี่ยวกับอะไร  เอาไว้อ่านทวนก่อนสอบ  และอ่านเวลาที่ต้องการสืบค้นภายหลังค่ะ  ปกติ  ถ้าอาจารย์จะเอาจริงจังกับวิชาอะไร จะทำทุกย่อหน้าค่ะ  แต่ขอร้องว่า  กรุณาอย่าทำแถบสี (highlight) มากเกินงาม เพราะเวลาอ่านทบทวนจะเสียเวลาเพราะ นอกจากจะไม่รู้ว่าอะไรสำคัญแล้ว  ยังต้องเสียสายตาอ่านตัวหนังสือที่อยู่ภายใต้สีที่เราทำแถบสีไว้  ยิ่งแถบสีต่างๆนาๆ  เป็นสายรุ้งช่างฝัน  อย่าลืมว่าเราอายุเท่าไรแล้ว  ถ้าอายุต่ำกว่า 30 ก็พอรับได้  แต่ถ้าเกินกว่านั้น  ไม่ว่าจะเลิกนับอายุไปแล้วหรือยังก็ตาม  ถ้าต้องการทำเครื่องหมายข้อความสำคัญ ขอแนะนำให้ใช้ดินขีดค่ะ  ทำไมต้องดินสอ  เพราะดินสอมันลบได้  บางทีเราอ่านใหม่ๆ  เรื่องนี้ก็สำคัญ  อีกเรืื่องก็สำคัญ  ขีดไปขีดมา  สำคัญทั้งหน่วย หรือทั้งบท  อย่างนี้ต้องกลับมาเลือกลบ  เสียเวลาหน่อย  แต่คุ้มเวลาเราอ่านทวนก่อนสอบเพราะเราจะอ่านเฉพาะที่สำคัญจริงๆ 

    3. เมื่ออ่านแล้ว  โน๊ตสั้นๆแล้ว สิ่งที่สำคัญมั๊กๆ  คือทำชาร์ทย่อเรื่องนั้น  บทนั้น  มาตรานั้น  วิธีนี้จะทำสำเร็จก็ต่อเมื่อเรามีสมาธิในการอ่าน  ถ้าอ่านแล้วไม่ทำชาร์ท  หรือสรุปไว้  ไม่นานก็ลืม  ยิ่งอายุมาก  ความจำยิ่งสั้นด้วย  ใหม่ๆจะยากมากเพราะรวบรวมสมาธิไม่ได้  สรุปไม่ถูก  ทำชาร์ทก็มั่ว  ไม่เป็นไร  คนเราเกิดมาต้องมีครั้งแรก  ไม่ดีไม่เป็นไร  อ่านต่อไปเรื่อยๆ ทำต่อไปเรื่อยๆ  แล้วจะพัฒนาเป็นชาร์ทที่ดีขึ้น  จะจดจ่ออยู่กับชาร์ทแรกที่เราคิดว่าไม่เวอร์ค  เหมือนเด็กๆรักครั้งแรกก็อกหัก  ก็หาแฟนต่อไปเรื่อยๆ  สักวันก็หาได้เองล่ะค่ะ  อาจารย์เองกว่าจะลงจากคานทองได้ก็แทบแย่ (ยกตัวอย่างไม่เกี่ยวเลย)  ฉะนั้น  ทำไปเรื่อยๆ  เดี๋ยวดีเอง 

    4. ชาร์ทที่ว่าเอาไว้ทำอะไรคะ  ก็เอาไว้จำไงคะ  จำหลักกฎหมายไว้ก่อน  แล้วค่อยมาจำตัวบท  ส่วนวิธีจำตัวบททำอย่างไร  อาจารย์จะเล่าให้ฟังทีหลัง  ขอเสริมสำหรับท่านที่เพิ่งเริ่มเรียนกฎหมายวิธีสบัญญัติ หรือที่เรียกว่ากฎหมายวิธีพิจารณา ไม่ว่าจะเป็น วิแพ่ง  วิอาญา  ล้มละลาย  หรือวิอะไรต่างๆนาๆ  ต้องศึกษาภาพรวมการพิจารณาคดีทั้งหมดก่อนว่า  เริ่มต้นคดีอย่างไร  แล้วตามด้วยอะไร  ไปต่ออย่างไร จนจบกระบวนความนั่นล่ะ  เมื่อเห็นภาพรวมแล้วก็ศึกษาเนื้อหาทีละเรื่องจะเข้าใจง่ายขึ้น

    5. เวลาศึกษากฎหมาย  ต้องจำหลัก  ว่าเรื่องนั้นเรื่องนี้มีหลักอย่างไร  เมื่อได้หลักก็ต้องจำข้อยกเว้น  เมื่อจำข้อยกเว้นแล้วก็ต้องจำผลของหลักนั้นๆว่ามีผลทางกฎหมายอย่างไร  เมื่อรู้ผลทางกฎหมายแล้ว  จะแก้ไขอย่างไรได้ (แก้ไขทางกฎหมายนะคะ  ไม่ใช่แก้ไขโดยวิธีอื่น)  ชีวิตจริง  ทางแก้ของกฎหมายเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะสำหรับทนายความ  ถ้าท่านรู้หลักแต่แก้ไม่เป็น  ลูกความท่านตายสถานเดียวค่ะ 

     6. ต้องหัดผูกเรื่อง (ไม่ใช่แต่งเรื่องขึ้นมาเองนะคะ) และโยงเรื่องไปหากัน  และต้องเปรียบเทียบกัน  กรณีไหนเข้ามาตรานี้  กรณีไหนเข้ามาตรานั้น  บทบัญญัติอะไรเหมือนกัน  จำไว้เป็นกลุ่ม (อย่าจำผิดก็แล้วกัน) 

    7. ถ้ามีเวลาพอก็จะโน๊ตลงในประมวลกฎหมาย  (อ้อ  ลืมบอกว่า  ต้องหาประมวลกฎหมายมาใช้ด้วยค่ะ)  เวลาอ่านตำราก็เปิดประมวลไปด้วย  มีอะไรสำคัญก็โน๊ตในประมวล  วันหลังอาจารย์จะเม๊าเรื่องการโน๊ตในประมวลทำยังไง  เพราะกฎหมายเปลี่ยนอยู่เรื่อย  ต้องซื้อประมวลบ่อยๆ  ที่สำคัญคือเสียดายโน๊ตที่สู้อุตส่าห์เขียนไว้ในประมวลเก่า  รอหน่อยนะคะ  จะมาเล่าต่อค่ะ

wife from Hell

A police officer pulls over a speeding car.
The officer says, I clocked you at 80 miles per hour, sir.’
The driver says, Gee, officer I had it on cruise control at 60, perhaps your radar gun needs calibrating.’
Not looking up from her knitting
the wife says: ‘Now don’t be silly dear, you know that this car doesn’t have cruise control.
 As the officer writes out the ticket,
the driver looks over at his wife and growls,
Can’t you please keep your mouth shut for once?’
The wife smiles demurely and says, ‘You should be thankful your radar detector went off when it did.
As the officer makes out the second ticket for the illegal radar detector unit,
the man glowers at his wife and says through clenched teeth,
Damit, woman, can’t you keep your mouth shut?’
The officer frowns and says,
‘And I notice that you’re not wearing your seat belt, sir. That’s an automatic $75 fine.’
The driver says, ‘Yeah, well, you see officer, I had it on, but took it off when you pulled me over so that I could get my license out of my back pocket.’
The wife says, ‘Now, dear, you know very well that you didn’t have your seat belt on. You never wear your seat belt when you’re driving.’
And as the police officer is writing out the third ticket
the driver turns to his wife and barks, ‘WHY DON’T YOU PLEASE SHUT UP??’
The officer looks over at the woman and asks,
‘Does your husband always talk to you this way, Ma’am?’ 
‘Only when he’s been drinking.

 

ลองคลิก web นี้ แล้วทำข้อสอบดูว่าท่านนักกฎหมายทั้งหลายท่านสามารถพิสูจน์พยานหลักฐานได้หรือไม่

http://joeschwartz.net/shemale/index.html#

Little Johnny

 

Little Johnny’s at it again….. A new teacher was trying to make use of her psychology courses. She started her class by saying, ‘Everyone who thinks they’re stupid, stand up!’ After a few seconds, Little Johnny stood up. The teacher said, ‘Do you think you’re stupid, Little Johnny?’ ‘No, ma’am, but I hate to see you standing there all by yourself!’

* * * * * * * * * * *

Little Johnny watched, fascinated, as his mother smoothed cold cream on her face. ‘Why do you do that, mommy?’ he asked. ‘To make myself beautiful,’ said his mother, who then began removing the cream with a tissue. ‘What’s the matter?’ asked Little Johnny. ‘Giving up?’

* * * * * * * * * * *

The math teacher saw that little Johnny wasn’t paying attention in class. She called on him and said,
‘Johnny! What are 2 and 4 and 28 and 44?’ Little Johnny quickly replied, ‘NBC, FOX, ESPN and the Cartoon Network!’

* * * * * * * * * * *

Little Johnny’s kindergarten class was on a field trip to their local police station where they saw pictures tacked to a bulletin board of the 10 most wanted criminals. One of the youngsters pointed to a picture and asked if it really was the photo of a wanted person. ‘Yes,’ said the policeman. ‘The detectives want very badly to capture him.’Little Johnny asked, ‘Why didn’t you keep him when you took his picture ?’

* * * * * * * * * * *

Little Johnny attended a horse auction with his father. He watched as his father moved from horse to horse, running his hands up and down the horse’s legs and rump, and chest. After a few minutes, Johnny asked, ‘Dad, why are you doing that?’ His father replied, ‘Because when I’m buying horses,I have to make sure that they are healthy and in good shape before I buy. Johnny, looking worried, said, ‘Dad, I think the UPS guy wants to buy Mom .’

* * * * * * * * * * * 

 

To : Bill Gates, Microsoft
From : John Doe
Date : 1 April 2009
Subject: Problems with my new computer

Dear Mr. Bill Gates, We have bought a computer for our home and we have found some problems, which I want to bring to your notice..

1. There is a button ‘start’ but there is no ‘stop’ button. We request you to check this.

2. One doubt is whether any ‘re-scooter’ is available in system? I find only ‘re-cycle’, but I own a scooter at my home.

3. There is ‘Find’ button but it is not working. My wife lost the door key and we tried a lot to trace the key with this ‘find ‘button, but was unable to trace. Please rectify this problem.

4. My child learnt ‘Microsoft word’ now he wants to learn ‘Microsoft sentence’, so when you will provide that?

5. I bought computer, CPU, mouse and keyboard, but there is only one icon which shows ‘My Computer’: when you will provide the remaining items?

6. It is surprising that windows says ‘MY Pictures’ but there is not even a single photo of mine. So when will you keep my photo in that.

7. There is ‘MICROSOFT OFFICE’ what about ‘MICROSOFT HOME’ since I use the PC at home only.

8. You provided ‘My Recent Documents’. When you will provide ‘My Past Documents’?

9. You provide ‘My Network Places’. For God sake please does not provide ‘MySecret Places’. I do not want to let my wife know where I go after my office hours.

Regards,
John Doe

Last one Mr. Bill Gates P.S: “ Sir, how is it that your name is Gates but you are selling WINDOWS ?”

เรื่องที่ 1 ขอให้นักศึกษาเริ่มฝึกภาษาอังกฤษได้แล้วค่ะ  เป็นเรื่องของการซักถามพยาน

Court Humor

These are from a book called “Disorder in the American
Courts”, and are things people have actually said
in court, word for word, taken down and now
published by court reporters who had the torment
of staying calm while these exchanges were
actually taking place.

 

——

ATTORNEY:
Are you sexually active?
WITNESS: No, I just lie there.
____________________________________________

ATTORNEY:
This myasthenia gravis, does it affect your memory at all?
WITNESS: Yes.
ATTORNEY: And in what ways does it affect your memory?
WITNESS: I forget.
ATTORNEY: You forget? Can you give us an example of something you forgot?
___________________________________________

ATTORNEY: Do you know if your daughter has ever been involved in voodoo?
WITNESS: We both do.
ATTORNEY: Voodoo?
WITNESS: We do.
ATTORNEY: You do?
WITNESS: Yes, voodoo.
____________________________________________

ATTORNEY:
Now doctor, isn’t it true that when a person dies in his sleep, he doesn’t know about it until the next morning?
WITNESS: Did you actually pass the bar exam?

____________________________________

ATTORNEY: The youngest son, the twenty-year-old, how old is he?
WITNESS: He’s twenty, much like your IQ.
___________________________________________

ATTORNEY: Were you present when your picture was taken?
WITNESS: Are you shitting me?
_________________________________________

ATTORNEY: So the date of conception (of the baby) was August 8th?
WITNESS: Yes.
ATTORNEY: And what were you doing at that time?
WITNESS: getting laid
____________________________________________

ATTORNEY: She had three children, right?
WITNESS: Yes.
ATTORNEY: How many were boys?
WITNESS: None.
ATTORNEY: Were there any girls?
WITNESS: Your Honor, I think I need a different attorney. Can I get a new attorney?
____________________________________________

ATTORNEY: How was your first marriage terminated?
WITNESS: By death.
ATTORNEY: And by whose death was it terminated?
WITNESS: Take a guess.

____________________________________________

ATTORNEY: Can you describe the individual?
WITNESS: He was about medium height and had a beard.
ATTORNEY: Was this a male or a female?
WITNESS: Unless the Circus was in town I’m going with male.
_____________________________________

ATTORNEY: Is your appearance here this morning pursuant to a deposition notice which I sent to your attorney?
WITNESS: No, this is how I dress when I go to work.
______________________________________

ATTORNEY: Doctor, how many of your autopsies have you performed on dead people?
WITNESS: All of them. The live ones put up too much of a fight.
_________________________________________

ATTORNEY: ALL your responses MUST be oral, OK? What school did you go to?
WITNESS: Oral.
_________________________________________

ATTORNEY: Do you recall the time that you examined the body?
WITNESS: The autopsy started around 8:30 p.m.
ATTORNEY: And Mr. Denton was dead at the time?
WITNESS: If not, he was by the time I finished.
____________________________________________

ATTORNEY: Are you qualified to give a urine sample?
WITNESS: Are you qualified to ask that question?
______________________________________

And the best for
last:

ATTORNEY: Doctor, before you performed the autopsy, did you check for a pulse?
WITNESS: No.
ATTORNEY: Did you check for blood pressure?
WITNESS: No.
ATTORNEY: Did you check for breathing?
WITNESS: No.
ATTORNEY: So, then it is possible that the patient was alive when you began the autopsy?
WITNESS: No.
ATTORNEY: How can you be so sure, Doctor?
WITNESS: Because his brain was sitting on my desk in a jar.
ATTORNEY: I see, but could the patient have still been alive, nevertheless?
WITNESS: Yes, it is possible that he could have been alive and practicing law
 _____

ไม่ว่านักศึกษาจะเลือกเรียนปริญญาโทหลักสูตรไหน  และแผนการเรียนแบบไหน  จะทำวิทยานิพนธ์หรือสารนิพนธ์  นักศึกษายังต้องทำรายงานอยู่ดี  เพียงแต่ถ้าเป็นวิทยานิพนธ์ก็เล่มโตกว่า และต้องซับซ้อนกว่า  ปัญหาของนักศึกษาบางท่านคือ จะทำหัวข้ออะไรดี  อาจารย์มีคำแนะนำ  ส่วนจะใช้ได้จริงหรือไม่นั่นก็ขึ้นกับแนวความคิดของนักศึกษาแต่ละท่านนะคะ

1. ข้อคิดในการหาเรื่อง (ไม่ใช่หาเรื่องที่จะตีกันนะคะ) ในที่นี้หมายถึงหาหัวเรื่อง ซึ่งก็คือการหากลุ่มกฎหมายที่เกี่ยวข้อก่อน 

1.1 ท่านสนใจกฎหมายอะไรเป็นพิเศษ ต้องแบบที่ชอบจังเลย ชอบมาก ถึงชอบที่สุด อันนี้ท่านจะประสบความสำเร็จในการทำวิทยานิพนธ์/สารนิพนธ์ เปรียบเทียบได้กับการแต่งงานกับคนที่เรารัก จะมีความสุขมากกว่าการแต่งตามประเพณี หรือคลุมถุงชน (ออกนอกเรื่องไปหน่อย)

1.2 ถ้าท่านยังไม่สนใจอะไรเป็นพิเศษ ก็ลองคิดว่าท่านทำงานเกี่ยวกับกฎหมายฉบับไหนบ้าง เพราะเราสามารถใช้ประสบการณ์ในการทำงานมาควานหาปัญหาได้ ข้อสำคัญคือ มันเป็นปัญหาจริงๆ ไม่ได้จินตนาการขึ้นมาจากการนั่งเทียน แต่อย่าลืมว่าต้องเป็นปัญหากฎหมาย ไม่ใช่ปัญหาที่คนไม่มีจิตสำนึกปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นคงต้องไปทำวิทยาพนธ์สาขาวิชาอื่น เช่น จิตวิทยา ฯลฯ

1.3 ถ้ายังไม่มีความสนใจกฎหมายใดๆเลย และงานที่ทำก็น่าเบื่อ มีปัญหาอย่างเดียวคือต้องเรียนจบโทเร็วๆจะได้ไปสอบสนามเล็ก เพราะเบื่องานทุกวันนี้จังเลย ก็ลองคิดว่า ตอนเรียนปริญญาตรี ได้คะแนนวิชาอะไรมากที่สุด ถ้าไม่มีที่สุด เพราะแค่ผ่านไปวันๆ ก็ลองดูว่า วิชาไหนเข้าใจมากกว่าวิชาอื่น ถ้าไม่เคยจะเข้าใจอะไรเลย ใช้วิธีบนบานศาลกล่าวตลอดมา ก็ลองอีกที ลองหยิบหนังสือกฎหมายมานั่งอ่าน นอนอ่าน ยืนอ่าน หรืออ่านในห้องน้ำ ดูว่าเล่มไหนอ่านแล้วพอทนได้ ก็เลือกเอากฎหมายในวิชานั้นล่ะ  

2. เมื่อเลือกกฎหมายได้แล้ว ทีนี้ก็ต้องวิจัยล่ะค่ะว่า

2.1 มีที่จะค้นคว้ากฎหมายนั้นที่ไหนบ้าง สำนักบรรณสารสนเทศ (ห้องสมุด มสธ.) สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่สะดวก สบาย ไปแล้วอารมณ์ดี สามารถนั่งอ่านหนังสือได้

2.2 มีตำราที่เกี่ยวข้องเยอะเพียงพอหรือไม่ ถ้าท่านเก่งภาษาต่างประเทศ (ยกเว้นภาษาลาว ภาษาพม่า ภาษาเขมร เพราะประเทศเหล่านี้ ตำรากฎหมายที่เป็นอินเตอร์ก็เป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาฝรั่งเศส เพราะบางมหาวิทยาลัยยังใช้เอกสารการสอนของ มสธ.ด้วย) ท่านสามารถสืบค้นใน website ได้ อาจารย์ไม่ได้ตั้งข้อรังเกียจ แต่web ภาษาไทย มักมีกฎหมายที่ไม่ลึกซึ้งพอจะหยิบมาใช้ทำวิทยานิพนธ์ / สารนิพนธ์ค่ะ

2.3 ถ้าท่านเลือกทำหัวข้อกฎหมายที่ประเทศไทยยังไม่บัญญัติ ท่านต้องเหนื่อยหน่อย แปลลูกเดียวค่ะ เพื่อหาแนวความคิด ทฤษฎี บทบัญญัติของกฎหมายต่างประเทศ และแนวปฏิบัติ รวมถึงผลบังคับใช้ของกฎหมายแก้ปัญหาได้หรือไม่ และถ้าเอามาใช้ในประเทศไทยจะ work หรือไม่ อันนี้ต้องคิดไว้ด้วยค่ะ

3. เมื่อได้หัวเรื่องมาแล้ว ก็ต้องหาหัวข้อค่ะ เงื่อนไขประการเดียวค่ะ ต้องเป็นหัวข้อทางกฎหมาย บางท่านสงสัยว่า ต้องเจาะจงเฉพาะกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้ไม่ดี ไม่ถูก ไม่ชอบ เท่านั้นหรือไม่ อาจารย์ขอสรุปว่า หัวข้อทางกฎหมายอาจเกิดขึ้นได้ 2 กรณี

3.1 เป็นปัญหาที่เกิดจากบทบัญญัติของกฎหมายโดยตรง อันนี้ท่านเห็นภาพแน่นอน

3.2 เป็นปัญหาที่เกิดจากการปฏิบัติตามกฎหมาย อันนี้แล้วแต่มุมมองของท่านที่จะหยิบยกขึ้นมา แล้วพิจารณาว่า ที่มีปัญหานั้นเป็นเพราะกฎหมายหรือเพราะคน

4. ทีนี้ เราได้หัวเรื่องมาแล้ว แต่ไม่เห็นจะมีปัญหา หรือ ประเด็นอะไรให้ศึกษาเลย ก็ต้องค้นคว้า (อีกแล้ว) จากข้อ 2.2 ข้างต้น ลองอ่านดู (ห้ามเบื่อที่จะอ่าน) ว่ามีตำรา งานวิจัย บทความ หรือวิทยานิพนธ์ไหนกล่าวถึงปัญหาในเรื่องนั้นๆเอาไว้บ้าง เลือกปัญหาที่เขายังไม่ได้ตอบมาเป็นประเด็นศึกษาความเป็นไปได้ของเรา

5. ประการสุดท้าย ท่านต้องลองตั้งสมมติฐานว่า ถ้าแก้กฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายหลัก (รัฐธรรมนูญ พรบ. หรือ ประมวลกฎหมาย) หรือกฎหมายระดับรอง (เช่น กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง) แล้วจะแก้ปัญหาที่เราอุตสาหะวิริยะคิดออกมาได้จาก ข้อ 1-3 ข้างต้นหรือไม่ ถ้าต้องแก้ที่คน หรือ แก้ที่สถานที่ เช่น ย้ายประเทศหนี ย้ายบ้านหนี อันนี้ก็เริ่มคิดใหม่ทำใหม่ดีกว่าค่ะ

การสร้าง blogs จาก web ฟรีที่  wordpress.com

  1. ก่อนจะสมัคร เราจะต้องมี email address ก่อน  จะเป็น email ของอะไรก็ได้ค่ะ
  2. เปิด web ของ wordpress.com ที่ www.wordpress.com  แล้วคลิกที่ sign up now
  3. จากนั้นก็พิมพ์รายละเอียด  ชื่อ blog และ password มีข้อสังเกตคือ password ควรจะเป็นตัวอักษรผสมกับตัวเลข  และอย่าให้พิสดารมากเกินไป  เอาแบบที่เราจำได้  ถ้า password ดีแล้ว โปรแกรมจะแสดงข้อความ strong และอย่าลืมพิมพ์ email ที่ใช้ประจำ  ไม่ใช่ email ฟรีที่ไม่ได้ใช้นาน (เกิน 6 เดือน) จนถูกปิดไปแล้ว  เข้าใช้ไม่ได้  เพราะ wordpress จะต้องให้เรา activate ผ่าน email กรอกข้อความครบก็ NEXT ต่อไป (ตามประสาคนยุคใหม่ generation next) อย่าลืมเลือกภาษาเป็นภาษาไทยด้วย ยกเว้นแต่ blog จะเขียนเป็นภาษาอังกฤษค่ะ  เสร็จแล้วก็ คลิกที่ sign up อีกครั้ง
  4. ต่อไปก็พิมพ์ชื่อ นามสกุล  และ เรื่องเกี่ยวกับตนเอง  จะแต่งเติม / ตามจริง / จะอย่างไรก็แล้วแต่  แต่ข้อความนี้จะปรากฏบน blog ค่ะ  กรอกเสร็จก็ save profile
  5. ทีนี้ก็ไปเปิด email  แล้วก็คลิก activate ตาม URL ที่เขาแจ้งมา
  6. ต่อไปก็สามารถใช้งาน blog ได้แล้ว  เริ่มต้นก็ขอให้คลิกที่ My Dashboard ค่ะ
  7. ขั้นตอนที่ 1 เลือกรูปแบบ blog ก่อนเลย คลิกที่ “รูปแบบ” อยู่ซ้ายล่างล่ะ  โปรแกรมจะมีรูปแบบหลากหลายก็เลือกใช้ตามความชอบ  จะดูก่อนก็ไป  (มีระบบสุ่มเลือก : ก็คือ แบบทั่วๆไป  และแบบ pop (popular) เรียกว่าสวย  แต่ข้อเสียคือ คนใช้เยอะ  เหมือนใส่เสื้อโหลเดินถนนแล้วรู้สึกว่าทำงานโรงงานเดียวกัน ยังไงยังงั้น)
  8. จัดการรูปแบบเสร็จก็กำหนด “หมวดหมู่” ก่อนเลยค่ะ  คลิกที่ “เรื่อง” แล้วเลือก หมวดหมู่  กำหนดชื่อหมวดหมู่  ขยายความหมวดหมู่ซะหน่อยก็ดี  แต่ไม่ขยายก็ไม่เป็นไร  แล้ว คลิก เพิ่มหมวดหมู่
  9. ทีนี้ก็สร้างเรื่อง (เมื่อกี้หาเรื่องมาแล้ว..ล้อเล่น)  คลิกที่ เขียนเรื่องใหม่  เขียนเสร็จก็อย่าลืม กำหนดด้วยว่าอยู่ในหมวดหมู่ไหน  เกินกว่า 1 หมวดหมู่ก็ได้  (หมวดหมู่อยู่ขวามือด้านล่าง) เสร็จแล้ว คลิก ขวาบน “เผยแพร่”  สำหรับการเขียนครั้งแรก  พอแก้ไขเขียนครั้งต่อไป จะคลิกที่ “อัพเดท”  (อยู่ที่เดียวกัน แค่เปลี่ยนคำ)
  10. ลืมบอกไปว่า  สามารถใส่รูปภาพ  วีดีโอ  เพลง ได้ด้วย เครื่องหมายอยู่เหนือ text box ที่เราพิมพ์ข้อความ  ส่วน วิธีการพิมพ์จะใช้ระบบเดียวกับ word เช่น ชิดซ้าย  ชิดขวา  (แต่ไม่มีหน้า – หลัง ) อยากรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ใช้เม๊าผ่านปุ่มต่างๆ (ไม่ต้องคลิกนะคะ) โปรแกรมก็จะมีข้อความว่าปุ่มนั้นๆใช้ทำอะไร
  11. พิมพ์เสร็จ เผยแพร่แล้ว ก็คลิก “เยี่ยมชมเวปไซต์” ตัวเล็กๆๆๆๆๆ  อยู่ท้ายชื่อ blog แล้วอย่าลืมบอกคนอื่นด้วยว่าให้เข้าไปยี่ยมชม blog ของเรา
  12. ถ้าเราต้องการแนะนำคนอื่นให้เยี่ยมชม blog ของเรา  ให้บอก http:// ชื่อblogของเรา.wordpress.com  แต่ถ้าเราจัเข้าไปแก้ไขต้องไปที่ www.wordpress.com แล้ว login เข้าไปแก้ไข  มีข้อสงสัยก็เขียน comment ไว้ละกันค่ะ

วันนี้เข้าอบรม communication Tools หรืออะไรประมาณนี้  เรียนโปรแกรมมาหลายโปรแกรม แต่ที่จับใจความได้ และพอใช้เป็น snake ๆ-fishๆ ก็คือ

  1. การสร้าง blogs บน wordpress.com ที่เรากำลังอ่านกัน 
  2. การทำ feeds (RSS)
  3. การสร้าง links แบบสามัคคีกันบน delicious.com

คือทั้งหมดนี้จะอธิบายขั้นตอนในภายภาคหน้า  ทันทีที่มีเวลา  ตามอ่านมาละกัน